พระศรีกฤษณะเป็นพระอวตารของพระผู้เป็นเจ้า!!

jumbo jili
รูปพระศรีกฤษณะที่จริงจริงนั้น ส่อให้เห็นถึงอารมณ์ของการอวตารของท่าน รูปแบบของนกยูงที่พระเศียรของท่านนั้น ชี้ให้มีความคิดเห็นว่า นกยูงรับประทานงูพิษได้ ในลักษณะเดียวกันนี้ ท่านจะทรงทำให้ธาตุที่เป็นพิษในสังคมหมด สิ้นลงได้ อีกทั้ง ท่านได้ถูกนำออกแสดงในอิริยาบถที่โค้งบางส่วน มงกุฎของท่านมีความเอียงเพียงนิดหน่อยในลีลาที่ทรงขลุ่ย หน้าของท่าน ทรงหันไปบางส่วนด้วยเหมือนกัน ทั้งปวงนี้แสดงให้เห็นว่า ท่านทรงประทับยืนในอิริยาบถแท่นบูชา ผู้จงรักภักดีของท่าน แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันนี้ สำหรับคนบาปแล้ว ท่าน ทรงชี้ให้เห็นว่า ท่านทรงมีแผนในการณ์บางสิ่งบางอย่างสำหรับการที่จะลงอาญาพวกเขา ซึ่งคนบาปทั้งหลายแหล่ไม่สามารถที่จะรู้เรื่องได้ ความหมายอีกอย่างหนึ่งจากท่าที่โค้งของท่าน ก็คือว่า ท่านเข้าไปสู่หัวใจของผู้จงรักภักดีของท่านในท่าที่ทรงเอียงนิดหน่อย ซึ่งท่านไม่เคยได้ทำแบบนั้นมาก่อน

สล็อต
ปณฺห จุรเย ชาต โห, นิรปล ชานิ เก โมห หิรทยาส เส จป ชโอเค มารท ปขโน โตหิ
ขลุ่ยบอกให้เห็นวิชาความรู้ของท่านในเรื่องดนตรี เท่าๆกับความรักอันบริสุทธิ์ ท่านทรงใช้ขลุ่ยเพื่อทำให้ประชากรเบาใจจากการทรมาทรกรรมของกษัตริย์กัณสะ รวมทั้งท่านทรงทำให้ประชากรทั้งผองมารวมกัน แล้วก็สร้างความรักรวมทั้งความชื่นชอบในระหว่างพวกเขา เสียงอันเพราะของขลุ่ยของท่านไม่เพียงแค่นำราษฎรให้มารวมกันเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังส่งผลให้นกและก็สัตว์ทั้งหลายแหล่มารวมกัน ลืมความรู้สึกที่เป็นศัตรูต่อกันในระหว่างพวกมันด้วย

สล็อตออนไลน์
แม้กระนั้นในทุกวันนี้ขลุ่ยของท่านยังสอนเราให้รู้ดีว่า พวกเราควรเล่นขลุ่ยของชีวิตของพวกเราในเสียงไพเราะเพราะพริ้งแบบนั้น ซึ่ง ชี้ให้เห็นว่าโดยการฟังเสียงขลุ่ย โลกทั่วโลกน่าจะรวมเข้าด้วยกัน ร้อยกันเข้าในเส้นด้ายเส้นเดียว แล้วก็ลืมความรู้สึกที่ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อกันอะไรก็ตามเกี่ยวกับคนอื่น
ตามหนังสือภควัตคีตา (ตำราอันศักดิ์สิทธิ์) การเกิดรวมทั้งความประพฤติปฏิบัติของท่านเป็นไปอย่างพระเจ้าให้เป็นไป ท่านได้แสดงถึงทางที่ถูกแก่คนเยอะมากๆ คนใดกันแน่เดินอยู่บนทางที่ไม่ถูกในมนุษยชาติ และก็กับด้วยบาปอันดีเลิศของท่าน ก็เลยได้ถูกขนานชื่อว่าเป็นวีรบุรุษของโลก
บาปอันยอดเยี่ยมของพระศรีกฤษณะ
เมื่อพระศรีกฤษณะได้พระราชการบังเกิดในคุกของกษัตริย์กัณสะ แล้ว แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นอย่างโดยทันทีในห้องที่มึดทึบในคุกในที่นั้นพระวาสุเทพรวมทั้งพระนางเทวกีได้ถูกคุมขังเอาไว้ เมื่อมองเห็นแสงไฟนั้น อีกทั้งพระวาสุเทพแล้วก็พระนางเทวกีได้เป็นอิสระจากความหวาดกลัวแล้วก็ความเศร้าโศก โซ่ทั้งผองของทั้งคู่ท่านได้หลุดจากพระมือรวมทั้งพระชงฆ์ที่ได้ผูกมัดไว้อัตโนมัติ ตามหลักทฤษฎีพยากรณ์ เมื่อพระวาสุเทพอุ้มเด็กอ่อนเป็นพระกฤษณะผ่านแม่น้ำยมุท้องนา น้ำในแม่น้ำน้อยลงโดยทันที รวมทั้งน้ำในแม่น้ำต่ำลงเหลือแค่เพียงตาตุ่ม หากแม้ในเมืองปรินทวารไม่มีผู้ใดทราบดีว่าบุตรสาวของนางยโสธราได้แลกกับพระกฤษณะ

jumboslot
คราวหนึ่ง ในยุคที่ท่านยังทรงเป็นพระกุมารน้อยๆคุณแม่ยโสธราของท่าน ทรงเบื่อกับด้วยเล่ห์กลและก็การรบกวนของท่าน เพราะฉะนั้นคุณก็เลยตกลงใจที่จะเอาเชือกผูกท่านเอาไว้ แม้กระนั้นน่าประหลาดมากมาย เชือกทั้งหมดทั้งปวงกลับสั้น ซึ่งไม่สามารถที่จะผูกท่านได้ สุดท้ายท่านเองก็เต็มใจผูกท่านเองไว้กับต้นไม้ชื่อ”ยมาช”รวมทั้ง”อรชุน” ภายหลังจากผูกมัดอยู่นั้น ท่านก็ดึงท่านเองแล้วก็ด้วยผลที่ได้ขึ้นมานั้น ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นก็หักล้มลงมา รวมทั้ง ต้นไม้ยมาชแล้วก็อรชุนก็ได้ไปกำเนิดใหม่ เพราะว่าทั้งคู่มีชีวิตกำเนิดเป็นไม้ใหญ่นั้นตรงเวลาหลายพันปี และก็ได้รับพรว่า เมื่อพระเจ้าจะเกิดมาในโลก พวกเขาจะได้กำเนิดเป็นชีวิตใหม่
ท่านได้แสดงรูปร่างของท่านของโลกทั้งหมดทั้งสิ้น จากพระปากของท่านแก่แม่ยโสธรา
ผู้ใดกันแน่มีความเชื่อในพระเจ้า บางบุคคลอุตสาหะที่จะไม่เชื่อในบาปอันเด่นของพรศรีกฤษณะ แม้กระนั้นพวกเขาไม่ทราบกระจ่างแจ้งว่า พระ เป็นเจ้านั้น มันไม่ใช่เรื่องราวที่พวกเราจะเอามาแย้งกัน (โดยทางเชาวน์ของเรา) แม้กระนั้นมันคือเรื่องของเชื่อถือ นอกเหนือจากนั้น พวกเขาน่าจะรู้เรื่องให้แจ่มกระจ่างด้วยเหมือนกันว่า ถึงแม้คนเล่นกลปกติสามารถเล่นกลอันลึกลับเยอะแยะแก่คนทั่วๆไป รวมทั้งทำสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ให้เป็นได้ แล้วอะไรที่ยุ่งยากสำหรับพระเจ้าผู้ผลิตอันสูงสุดเล่า ท่านทรงสร้างนักเล่นกลขึ้นมา ฯลฯ ผู้ผลิตอันสูงสุดในระหว่างสิ่งอื่นๆทั้งหลายแหล่ ท่านทรงประทานสายตาให้แก่มนุษยชาติ มนุษย์สามารถจะมองเห็นสิ่งที่เล็กที่สุด เป็นต้นว่า มด รวมทั้งสิ่งที่ใหญ่ที่สุด อย่างเช่น เทือกเขา ด้วยสายตา (ที่ท่านทรงประทาน) แล้วอะไรเล่าที่ตรากตรำสำหรับท่านหรือ
ในยุคที่ท่านทรงเยาว์วัย ท่านทรงฆ่าคนพาลร้ายทั้งสิ้น ได้แก่ ศักตาสุระ, พักสุระ, วฤศม สุระ แล้วก็กัณสะ อันนี้เป็นการพิสูจน์ให้มีความคิดเห็นว่า กระแสไฟฟ้าผ่านไปตามสายบางสาย สามารถที่จะทำให้เครื่องจักรที่หนักที่สุดดำเนินการได้ และก็กระแสไฟสามารถจะฆ่าสัตว์ที่มีชีวิตอะไรก็ตามได้ ในลักษณะเดียวกันนี้ พระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้ท่านจะทรงอยู่ในรูปร่างที่เล็กที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่ มีความแข็งแกร่งปฏิบัติบาปที่สูงสุดได้ ท่านสามารถที่จะอวตารลงมาในรูปใดรูปหนึ่งได้ รวมทั้งสามารถแสดงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆได้ โดยบาปอันเด่นจำนวนมากมากมายของพระผู้เป็นเจ้า มันเป็นการพิสูจน์ให้มองเห็นได้อย่างแจ่มแจ้งว่า พระศรีกฤษณะนั้นไม่ใช่บุคคลปกติทั่วๆไป แต่ว่าท่านทรงเป็นอวตารของพระเจ้าผู้สูงสุด

slot
บุคคลไม่สมควรลืมว่าพระศรีกฤษณะนั้นทรงอยู่ทุกหนแห่ง รวมทั้งท่านทรงจ้องดูมองพฤติกรรมของทุกๆคน ท่านทรงไม่ชอบผู้คดโกง เมื่อแม่มดชื่อปุตนะจำแลงคุณเองเป็นวัวปิกะ แล้วก็บากบั่นจะฆ่าพระศรีกฤษณะโดยการเอายาพิษผสมลงในของกินที่ท่านจะรงรับประทาน โดยรู้สึกว่าเป็นทารกคนหนึ่ง ทันทีนั้นพระศรีกฤษณะทรงตรวจเจออารมณ์อันร้ายของคุณได้ และก็ดูดนมคุณอย่างแรง ซึ่งคุณก็ตาย
ยักษ์ชื่อวฤศภาสุระ ซึ่งกษัตริย์กัณสะเป็นผู้ส่งไปพบพระศรีกฤษณะเป็นคนฉลาดหลักแหลมปนคดโกงคนหนึ่ง มีความรู้สึกว่าพระศรีกฤษณะบูชาบูชาวัว เขาแปลงตนเองเป็นวัวเพศผู้ตัวหนึ่ง โดย มั่นใจว่าเมื่อเป็นวัวเพศผู้ พระศรีกฤษณะจะไม่ฆ่าเขา แล้วก็ว่าเขาสามารถจะฆ่าพระศรีกฤษณะเสร็จได้ แม้กระนั้นทันทีนั้นพระศรีกฤษณะตรวจเจอว่าเขาเป็นยักษ์ แล้วก็ทรงฆ่าเขาในทันที ความตายของยักษ์วฤศภาสุระ สอนให้พวกเราทราบดีว่า ถ้าเกิดบุคคลปลอมตัวเขาเองเป็นสิ่งๆหนึ่ง ราวกับอย่างพระผู้เป็นเจ้า บุคคลคนนั้นไม่สามารถที่จะจะได้ชนะจากความพอเพียงใจจากพระผู้เป็นเจ้าได้เพียงแค่นั้น โดยความประพฤติปฏิบัติแบบนั้น บุคคล ต้องมีความรู้สึกในทางที่ดี แล้วก็มีความคิดอันบริสุทธิ์จริงๆแล้วก็แล้วท่านไม่สนใจใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของท่าน ท่านอยากความรักและก็ความซื่อสัตย์ที่จริงจริงสิ่งเดียวเพียงแค่นั้น
พระศรีกฤษณะทรงเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยเหมือนกัน พฤติกรรมบาปบางสิ่งบางอย่างของท่านที่มีต่อการปรับปรุงสังคม ดังนี้
คนเลี้ยงแกะ ผู้ซึ่งกษัตริย์กัณสะผู้โหดร้ายเกลียดมากมาย แต่ว่าพระศรีกฤษณะให้ความชมเชยต้อนรับพวกเขา รวมทั้งกลับกลายมิตรที่เยี่ยมที่สุดของท่าน คนเลี้ยงแกะนี้ยากแค้น ผู้ เคยคิดพินิจตัวเองว่าเป็นคนที่สังคมไม่ชอบ แล้วก็ถูกด่าว่าในสังคมว่าต้อยต่ำ พระศรีกฤษณะให้ความชมเชย ความเชื่อถือพวกเขาและก็กำจัดลักษณะด้อยของพวกเขา รวมทั้งสรรเสริญให้พวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวเอง นี่เป็นบทเรียนที่พระศรีกฤษณะทรงมอบให้แก่สังคมโลกทั้งปวงว่า บุคคลควรจะให้ความเคารพนับถือเชิดชูแก่คนจน แล้วก็อุตสาหะยกพวกเขาให้สูงมากขึ้น
พฤติกรรมของพระศรีกฤษณะที่ทรงชูเทือกเขานามว่า วัววรธาน เพื่อสอนความวางท่าของพระอินทร์ เป็นการชี้ให้เห็นว่า ความเป็นในหลวง น่าจะได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากราษฎร ถ้าเกิด ผู้มีอิทธิพลได้แก่พระอินทร์เพียรพยายามที่จะทำให้พสกนิกรเกิดความเดือดร้อน ความทุกข์ร้อน แล้วหัวหน้าสังคมที่จริงหรือพระราชาจึงควรช่วยเหลือพลเมืองให้ ไม่เป็นอันตราย และไม่ควรจะหลบหลีก หากแม้สำหรับการทำที่ยุ่งยากตรากตรำที่สุด อาทิเช่น อย่างการชูเทือกเขา ในลักษณะเดียวกัน พลเมืองจะต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวรวมเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังเช่นอย่างคนเลี้ยงแกะทั้งปวงช่วยเหลือกันชูเทือกเขา โดย ความถือมั่นรวมกันของแต่ละคนภายใต้เทือกเขานั้น แต่ว่าทั้งปวงจะต้องพร้อมใจกันแน่น อันนี้ชี้ให้เห็นว่า ความพร้อมใจกันนั้นเป็นพลังอันเข้มแข็ง
โดยทำการสังสรรค์ขนบธรรมเนียม “อันท้องนา ฉันต” ท่านทรงสอนพลเมืองว่า น่าจะกินอาหารเช่นไร โดยการแบ่งปันกันในระหว่างคนอื่นขนบธรรมเนียม “ อันทุ่งนา เราต” เป็นการสังสรรค์ที่ได้ปฏิบัติกันภายหลังขนบธรรมเนียม “คราวปกลุ่มคำ” และก็ถ้าไม่มีจารีต “อันทุ่งนา ข้าต” เสียแล้ว จารีตประเพณี “ครั้งปกลุ่มคำ” ก็ย่อมบริบูรณ์มิได้ พวกเราบางทีก็อาจจะจุดไฟหรือจุดเทียนเป็นพันๆดวง แม้กระนั้น พระแม่เจ้าพระลักษมีจะทรงเพียงพอใจ ก็ต่อ เมื่อพวกเราพากเพียรที่จะให้ความหมายหิวโหยของคนอื่นและก็มานะที่จะทำให้คนอื่นทั้งปวงสุขสบายสบายด้วยของกินและก็สินทรัพย์
จารีตประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่นชมยินดีกันเป็นอย่างมาก ได้เริ่มโดยพระศรีกฤษณะ จารีตประเพณีนี้สอนให้พวกเราทราบดีว่า พวกเรา ควรจะฝังความเห็นแก่ได้ของพวกเรารวมทั้งอารมณ์ที่โกรธแค้นผูกอาฆาตพยาบาทของพวกเราลงใน ดินให้หมดไปไป รวมทั้งเผยแพร่สีที่ ความรัก ความรักและก็ความจริงใจแก่ผู้อื่นเพื่อว่าสังคมทั้งปวงเต็มไป ด้วยความรักแล้วก็ความรู้สึกชอบพอ
ภายหลังที่พระศรีกฤษณะทรงฆ่ากษัตริย์กัณสะแล้ว ท่านไม่ทรงสารภาพที่จะเป็นพระราชา ตรงกันข้ามกับคำร้องขอเชิงร้องขอครั้ง แล้วครั้งเล่าของพระผู้เป็นเจ้าปู่ของท่าน เป็นพระผู้เป็นเจ้าอุครเสน พระศรีกฤษณะทรงมอบราชบัลลังก์ให้แก่พระผู้เป็นเจ้าปู่ของท่านหมายถึงอุครเสน สำหรับการที่ท่านฆ่ากษัตริย์กัณสะ ไม่ใช่เพราะเหตุว่าเห็นแก่ตัวที่จะยึดบัลลังก์ แม้กระนั้นเพื่อฆ่าคนทรามร้ายแล้วก็เหี้ยมโหดอำมหิตเพียงอย่างเดียว เพื่อหาบุคคลผู้บริจาคเกียรติยศแก่มนุษยชาติ ศาสนาและก็ช่วยเหลือราษฎรขึ้นมาแทนเพียงแค่นั้น
พระศรีกฤษณะนอกเหนือจากการที่จะเป็นผู้ปรับปรุงสังคมแล้ว ท่านทรงเป็นโยคีและก็คุณครูผู้มีอิทธิพลด้วยเหมือนกันโดยผ่านตัวกลางเป็นพระอรชุน ท่านทรงประทานวิชาความรู้อันดีที่สุดยิ่งแก่โลกทั้งสิ้น ซึ่งได้จารึกไว้ภายในคู่มืออันศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า “ศรีมาท ภควัทคีตา” ซึ่งได้แปลเป็นภาษาต่างๆของโล ขั้นต้น แล้ว หนังสือนี้สอนให้พวกเรารู้ดีว่าอย่าได้กลัวความตาย และก็จำเป็นต้องคิดระลึกถึงหน้าที่ของพวกเราอยู่ตลอด หนังสือเล่มนี้สอนถึงแนวทางการว่าจะเข้าถึงความสงบสุขได้เช่นไร
ระหว่างที่ทำอารตีของภัควันกฤษณะ ที่จริงแล้วพวกเราควรจะรับเอาคุณลักษณะอย่างมนุษย์มาเอาไว้ในตัวเรา และก็รับเอาคำกล่าวอบรมสั่งสอนของท่านที่มีอยู่ในภควันคีตามาปฏิบัติตนปฏิบัติในชีวิตของพวกเรา พวกเราก็ดังท่านอรชุน ควรปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา พวกเราไม่สมควรอ่านคำกล่าวอบรมสั่งสอนในภควันคีตาเพียงอย่างเดียว แม้กระนั้นพวกเราพร้อมที่จะรับใช้สังคม รวมทั้งมีความรักอันบริสุทธิ์เหมือนกันกับพระนางราธาและก็พระกฤษณะ
ข้อคิดเห็น ในพระมือข้างซ้ายของรูปภาพของศรีราธา-กฤษณะนั้น มีภาพๆหนึ่งในรูปภาพนั้น พระศรีกฤษณะประทับอยู่บนบัลลังก์ที่สูง พระ วิทูรนั่งอยู่ที่บาทาดอกบัวของศรีพระภควาน กฤษณะ เมียของพระรอบรู้หลงไหลคลั่งในความรักต่อศรีภควาน-กฤษณะ และก็กำลังวิ่งไปพบพระศรีภัควันกฤษณะ ในขณะที่กำลังเอาผลกล้วยอันบริสุทธิ์ไปมอบ ผู้ช่วยกู้โลกนี้ให้ปลอดภัยเป็นพระกฤษณะ ผู้มีความประสงค์ความรักอันบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียว มีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะกินผลกล้วยมากยิ่งกว่าผลไม้อื่นๆที่เอามามอบให้โดยทุรโยชน์ พระฉลาดรู้สึกว่าตัวเขาเองได้รับเกียรติยศเป็นอย่างมากใหญ่ และก็ได้กวีบทกลอนไว้ดังนี้
นิตฺโย ธมฺเม สุข ทุกฺเฉ ตวนิตฺเย
ชีโอ้อวด นิตฺโย เหตุรสฺยา ตวนิตฺยา
ตชูตวสนิตยม ปรดีศถสว นิตฺเย
สนฺเหม็นตุศยา ตวมฺโทษ ปโตหิ ลภ
ความหมายก็คือว่า ศาสนาเป็นสิ่งแน่แท้แน่ๆ แล้วก็ความสบาย/ความเศร้าโศกเป็นสิ่งชั่วครั้งคราว พูดอีกนัยหนึ่ง สิ่งพวกนี้เกิดขึ้นรวมทั้งดับไป ชีวิตในความบริสุทธิ์ของมันเป็นสิ่งที่ยืนยงถาวร แม้กระนั้นสิ่งทั้งหลายแหล่ เป็นต้นว่าร่างกาย ฯลฯ เป็นสิ่งอยู่เป็นครั้งคราว ด้วยเหตุนั้น บุคคลไม่สมควรพากเพียรปักใจนิ่งอยู่ในสิ่งไม่เที่ยงแท้ รวมทั้งควรจะซื่อสัตย์ภักดีให้เหมาะสมที่สุดต่อสิ่งที่แน่แท้แน่ๆ